วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
บรรณานุกรม
สารบัญ
---------------------สารบัญ--------------------
เรื่อง --------------------------------------หน้า
คำนำ---------------------------------------ก
สารบัญ--------------------------------------ข
บทนำ---------------------------------------1
ภาษา---------------------------------------1
แหล่งท่องเที่ยว---------------------------------1
ประวัติศาสตร์สิงคโปร์-----------------------------1
บรรณานุกรม------------------------------------2
วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
เนื้อเรื่อง
ประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่ปลายสุดของแหลมมลายูเป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก
ภาษา
ภาษาที่ใช้ได้แก่ มาเลย์ จีน (แมนดาริน) ทมิฬ และอังกฤษ
ภาษมาเลย์ เป็นภาษาประจำชาติ
ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ
กิจการค้าขาย นิยมใช้ภาษาจีน
-มีฮักเกี้ยน แต้จิ๋ว กวางตุ้ง ไหหลำ ฟูเจา และจีนแคระ(ดนัย ไชยโยธาและคณะ 2548)
แหล่งท่องเที่ยวในสิงคโปร์
-โรงภาพยนต์ ซีนีมาเนีย
ประวัติศาสตร์สิงคโปร์
ช่วงต้นสิงคโปร์ตั้งอยู่ปลายสุดแหลมมลายู เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก
-ยุคการล่าอาณานิคม ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ได้คือโปรตุเกส เมื่อ ค.ศ. 1511 แล้วถูกชาวดัตซ์มาแย่งไป
แต่ประมาณปี ค.ศ. 1817
-สงตรามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่น ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษแล้วก็สามารถยึดสิงคโปร์ไว้ได้(ประเทศสิงคโปร์. 2552)
สรุป
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่สำหรับพักสินค้าของคนทั่วโลก เป็นประเทศเล็กๆ ทิศเหนือติดประเทศมาเลเซีย มีสถานทีท่องเที่ยวมากอันได้เเก่ โรงภาพยนตร์ เมืองไชน่าทาวน์ สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์
มีภาษาที่ใช้ในประเทศสิงคโปร์ได้แก่ ภาษมาเลย์ เป็นภาษาประจำชาติ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ
คำนำ
วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552
ศาสนาในประเทศสิงคโปร์
ศาสนาอิสลาม (14.9%)
ศาสนาคริสต์ (14.6%)
ศาสนาฮินดู (4%)
สิงคโปร์"คลิ๊กที่เดียว เที่ยวทั่วโลก".ศาสนา
เข้าถึงเมื่อวันที่ 12-01-2552
http://www.vacationzone.co.th/index_singapore.asp
ซีนีมาเนีย (Cinemania)
กัมปง กีลาม (Kampong Glam)
เข้าถึงเมื่อ 12-01-2552
http://www.linethaitravel.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=99966&Ntype=2
ช่องแคบสิงคโปร์
ช่องเเคบสิงคโปร์.วิกิพีเดีย
เข้าเมื่อ 12-01-2552
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ก่อนศตวรรษที่ 14 มิได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนและแน่นอนนัก ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมัชฌาปาหิตแห่งชวา ต่อมาใน ต้นศตวรรษที่ 15 ก็อยู่ภายใต้การยึดครองของอาณาจักรสยาม จนถูกประมุขแห่งมะละกาเข้ามาแย่งชิงไป และเมื่อโปรตุเกสเข้ายึดครองมะละกา สิงคโปร์ก็กลายเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสในราวปี ค.ศ. 1498 และต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอลันดาในช่วงศตวรรษที่ 17
เมื่ออังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาบริเวณแหลมมลายูในกลางศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มสนใจ สิงคโปร์ ในปี 1819 อังกฤษได้ขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากจักรวรรดิ์ยะโฮร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ในปี 1824 อังกฤษมีสิทธิครอบครองสิงคโปร์ตามข้อตกลงที่ทำกับฮอลันดา ต่อมาในปี 1826 สิงคโปร์ถูกปกครองภายใต้ระบบสเตรตส์เซ็ตเติลเมนท์ (Straits Settlement) ซึ่งให้บริษัท อินเดียตะวันออกของอังกฤษควบคุมดูแลสิงคโปร์ รวมทั้งปีนัง และมะละกาด้วย และต่อมาในปี 1857 รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาดูแลระบบนี้เอง ในปี 1867 สิงคโปร์กลายเป็นอาณานิคม (Crown Colony) ของอังกฤษ จนกระทั่งปี 1946 จึงได้รับการบกฐานะให้เป็นอาณานิคมแบบ เอกเทศ (Separate Crow colony) เมื่ออังกฤษกลับมายึดครองสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่สิงคโปร์อยู่ภายใต้ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942-1946)
ในฐานะที่เป็นอาณานิคมแบบเอกเทศนั้น สิงคโปร์มีอำนาจปกครองกิจการภายในของตนเองแต่ไม่มีอำนาจดูแลกิจการทหารและการต่างประเทศ และยังมีผู้ว่าราชการจากอังกฤษมา ปกครองอยู่ ในสภานิติบัญญัติ (Legislative Council) นั้น อังกฤษเริ่มเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกบางส่วน (6 คน จาก 22 คน) ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาบางส่วนนี้ในปี 1948 พรรคก้าวหน้า (Progressive Party) ของสิงคโปร์ได้ที่นั่งมากที่สุด ต่อมาในปี 1951 สมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้งถูกเพิ่มเป็น 9 คน ในจำนวน 25 คน และในปี 1955 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแรกสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งมีจำนวน 25 คน ในจำนวน 32 คน
ต่อมาอังกฤษให้ชาวสิงคโปร์มีอำนาจและมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองมากขึ้นในช่วง 10 ปี ก่อนที่สิงคโปร์จะประกาศเป็นสาธารณะรัฐนั้น สิงคโปร์จึงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล 3 ชุด คือ (1) รัฐบาลของนายเดวิด มาร์แชล (David Marshall) จากปี 1955-1956 (2) รัฐบาลของนายลิม ยิว ฮ๊อค (Lim Yew Hock) จากปี 1956-1959 และ (3) รัฐบาลของนาย ลี กวน ยิว (Lee Kuan Yew) ซึ่งภายใต้รัฐบาลนี้สิงคโปร์อำนาจในการปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว และนายลีได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ต่อมาในช่วงปี 1963-1965 รัฐบาลชุดนี้ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปรวมอยู่ในสหพันธรัฐมาเลเซีย และอยู่ได้เพียง 2 ปี
นับจากปี 1965 เมืองสิงคโปร์ประกาศตนเป็นประเทศเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง โดยปกครองในรูปของสาธารณรัฐ หลังจากนั้นสิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเป็นเวลาถึง 25 ปี ซึ่งก็คือ นาย ลี กวน ยิว ทั้งนี้เป็นเพราะพรรคกิจประชา (PAP: People’ Action Party) ซึ่งนาย ลี เป็นผู้ก่อตั้งแต่ปี 1961 นั้นมีชัยชนะในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งซ่อม
ทศวรรษที่ 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของกรปรับเปลี่ยนการปกครองสิงคโปร์จากผู้นำกลุ่มเก่า (Old Guards) เป็นผู้นำรุ่นใหม่ (New Guards) นาย โก๊ะ จ๊ก ตง (Goh Chok Tong) ได้รับการคัดเลือกจากพรรคกิจประชาและคณะรัฐมนตรี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1990 นาย ลี กวน ยิว ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลชุดใหม่โดยเป็นรัฐมนตรีอาวุโส และในปี 1993 สิงคโปร์เริ่มใช้ระบบประธานาธิบดีแบบใหม่ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
ปัจจุบันปี 2006 ประเทศสิงคโปร์ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่และทีม เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป แต่อย่างไรก็ดี พรรคกิจประชาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหมือนอย่างเดิม โดยพรรค PAP ได้รับที่นั่งในฝ่ายรัฐบาล 82 ที่นั่งจาก 84 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับสมัยนายโก๊ะ จก ตงได้รับในปี 2544 แต่ได้คะแนนเสียงลดลงจากสมัยแรกที่ได้ 75.3 เป็น66.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของนาย ลี เซียน หลุง สมัยที่สองซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันในเรื่องปัญหาคนยากไร้ ผู้สูงอายุและคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นาย ลี เซียน หลุงจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น เขาได้เน้นโยบายแบ่งปันรายได้ผนวกกับความอ่อนแอและแตกแยกของพรรคฝ่ายค้าน ทำให้พรรคPAP ได้ครองอำนาจสืบทอดมาเป็นระยะเวลา 4 ทศวรรษ
แหล่งอ้างอิง
ประเทศสิงคโปร์.วิกิพีเดีย
เข้าเมื่อ 12-01-2552
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%8C